Random,Recent,Label Widget

random/hot-posts

Wild Card (2015) นักฆ่า เอโพธิ์ดำ


Wild Card” เป็นเรื่องของ นิค ไวลด์ (เจสัน สเตทแธม) บอดี้การ์ดฝีมือระดับพระกาฬแห่งลาสเวกัสผู้มีปัญหาส่วนตัวคือติดการพนัน แต่วันหนึ่งเพื่อนของเขาอย่าง ดีดี (โซเฟีย เวียร์การา) ถูกนักเลงทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ซึ่งนิคค้นพบว่าหนึ่งในกลุ่มนักเลงนั้นเป็นลูกชายของหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ด้วยเหตุนี้ นิคจึงตัดสินใจเดินทางสู่มหานครแห่งคาสิโนอย่างลาส เวกัส เพื่อมุ่งไปจัดการล้างแค้นแก๊งค์ชั่วร้ายนี้อย่างสาสม และถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก ! อ่านเรื่องย่อ หลายคนคงยี้ ว่าเนื้อหามันหนีไม่พ้นแบบเดิมๆ อีกแล้ว ตอนผมดูตอนแรก ผมก็คิดเหมือนกัน มันก็คงเป็นหนัง action เหมือนที่ผ่านๆ มา แต่พอดูไปเรื่อยๆ มันกลับไม่ใช่แฮะ ทั้งเรื่องมีฉาก Action อยู่สามฉากแค่นั้นเอง ซึ่งแปลกมากสำหรับหนังที่โปรโมทว่าเป็นหนัง action เต็มตัว แต่หนังกลับไปเล่นถึงความสับสนในตัวเองของตัวละครอย่าง นิค ไวลด์ ที่ออกจะเกือบเป็น Drama ซะด้วยซ้ำ หนังไม่ได้เน้นที่ action เท่าไหร่ ไปเน้นอารมณ์ที่ทำให้เราเข้าใจในตัวละครมากกว่า ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้ก็มีกลิ่น Hummingbird พอสมควรเลยนะครับ เพราะ Jason ใช้ฝีมือในการแสดงมากกว่าแค่การมาเตะต่อยไปวันๆ อย่างเรื่องอื่นๆ เรื่องนี้เราจะได้เห็นการแสดงออกทางสีหน้า ความสับสนในแววตา และความอึดอัดที่ถูกปล่อยออกมาของตัวละครตัวนี้ นักฆ่า เอโพธิ์ดำ hd แต่หนัง Jason ก็ยังต้องเอาจุดขายของ Jason มาเล่นอยู่ดี ฉาก action ทั้งสามฉากในเรื่องยังคงความเป็นตัวเค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ผมว่าเรื่องนี้การออกแบบการต่อสู้ทำดีกว่าบางเรื่องที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่คงไม่พูดถึงเยอะ เพราะระดับ Jason เชื่อมือได้อยู่แล้ว แต่บางอย่างในฉาก action ที่มันควรจะเป็นจุดที่ถูกชูให้เด่นขึ้นมาอย่างไพ่เอโพดำที่พระเอกใช้ กลับไม่ได้ถูกเอามาแตกเป็นประเด็นสำคัญอะไรเลย ซึ่งผมว่ามันแปร่งๆ ไปหน่อยว่าจะชูประเด็นนี้มาทำไมแค่ฉากเดียว ตัวละครอื่นๆ แทบไม่มีบทบาทเลย นอกจาก Michael Angarano ที่ออกมาเล่นกับพระเอกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ตัวที่เหลือคือออกมาส่งให้พระเอกเดินเรื่องต่อไปได้มากกว่า ผมเสียดายนางเอก Dominik García-Lorido อุตส่าห์หาคนสวยเซ็กซี่ขนาดนั้นมาได้ แต่กระจายบทให้อย่างน้อยนิด ไม่คุ้มเลยจริงๆ ตอนเดินออกจากโรง ผมได้ยินคนข้างหลังคุยกันว่า หนังห่วย อุตส่าห์เอา Jason มาเล่น แต่ให้ action แค่นี้ จะเอามาทำไม ผมฟังแล้วผมก็รู้สึกว่า ถ้าดูหนัง Jason หรือดาราคนอื่นในแบบที่บทบาทซ้ำซากจำเจ จะไม่เบื่อหันเหรอครับ ผมกลับมองว่าเรื่องนี้ผมชอบซะอีกที่ได้เห็นพัฒนาการทางการแสดงของเค้า อยากให้มีบทบาทที่แตกต่างออกไปมาให้ดูอีกเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อ Jason Statham ไปซะก่อน