Home » Adventure หนังผจญภัย , Drama หนังดราม่า , History หนังประวัติศาสตร์ , Romance หนังโรแมนติก
» Pompeii (2014) ไฟนรกถล่มปอมเปอี
Pompeii (2014) ไฟนรกถล่มปอมเปอี
Pompeii (2014) ไฟนรกถล่มปอมเปอี ปอมเปอี เป็นนครที่สาบสูญไปนานจากภัยพิบัติภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด “Pompeii” ลาวากับเปลวเพลิงล้างผลาญทุกสิ่ง ชาวเมืองจำนวนหนึ่งจบชีวิตที่นี่ พิกัดของ ปอมเปอี ตั้งอยู่ทางใต้ของอิตาลีใกล้กับเมืองเนเปิลส์ ซึ่งภายหลังมีผู้ขุดค้นพบซากเมืองและซากศพหลังจากผ่านไปกว่าพันปี ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในยุโรป หลายคนมีความเชื่อว่า ปอมเปอี ล่มสลายเพราะถูกเทพลงทัณฑ์ เนื่องจากเป็นเมืองคนบาปที่เต็มไปด้วย อบายมุข ความรุนแรง เซ็กส์ และความโลภสำหรับตัวหนัง Pompeii ไม่ได้อ้างอิงความจริงจากประวัติศาสตร์เท่าไหร่ โดยผูกเรื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองในนครโรมัน เล่าเรื่องผ่านคู่รักต้องห้ามคือ ทาสหนุ่มจอมพลัง กับ หญิงผู้สูงศักดิ์ ที่หลงรักกันในช่วงเวลาที่เมืองดังกล่าวกำลังจะพบกับหายนะที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้พล็อตของหนังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เดาทางได้หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก หรือ การต่อสู้ นำเสนอแบบครึ่งๆกลางๆไม่สุดสักทาง รัก ทำได้ไม่ดีเท่า ไททานิก รบ ทำได้ไม่ถึง กลาดิเอเตอร์ ซํ้ายังขาดความน่าเชื่อถือและขัดแย้งกันในหลายประเด็น อาทิ ความเก่งกาจโอเวอร์ของ ไมโล เมื่อเทียบกับรูปร่าง ความรักสายฟ้าแล่บของคู่พระนางที่ไร้เหตุผลรองรับ ความเลวของตัวร้ายที่สุดขั้วเกินไป(เมืองกำลังถล่มยังจะมา ดวลดาบ ไล่จับผู้หญิง)ครึ่งหลังของหนังมีแต่ฉากคนตายให้ดู โดยที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย สิ่งที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวของหนังคือการถ่ายภาพ หากใครได้ดูแบบสามมิติจะเห็นเถ้าถ่านลอยผ่านไปมาตลอดช่วงท้าย ฉากภูเขาไฟระเบิดอลังการ สีสันสดใส เข้ากับดนตรีประกอบที่เร้าใจด้านการแสดงจากบทจืดชืดทำให้ตัวละครแทบทุกตัวแบนราบไร้มิติ คิท แฮร์ริงตัน แสดงได้แข็ง ไม่สามารถทำให้คนดูเชื่อว่าเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดได้ การถ่ายทอดอารมณ์ก็แย่ เหมือนคนไร้อารมณ์ในทุกๆเรื่อง เอมิลี่ บราวน์นิ่ง น่าผิดหวังที่สุด ในหนังพีเรียดเธอดูไร้เสน่ห์มาก แอ็คติ้งระดับนักแสดงหน้าใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยเล่น Sleeping Beauty และ Sucker Punch ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในเรื่องจึงดูไม่จริง รวมแล้วเป็นคู่พระนางที่พากันดับที่สุดในปีนี้เลย แอบซึ่งใจมิตรภาพระหว่างเพื่อนทาสด้วยกันมากกว่าคีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์ พยายามเต็มที่กับบทขุนนางจอมโกงจากโรมัน แต่ก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากความยํ่าแย่ของเนื้อเรื่องได้ สิ่งที่น่าสนใจคือตอนจบของภาพยนตร์ที่เผู้กำกับลือกจะให้เป็นโศกนาฏกรรมความรัก ทำให้บทสรุปต่างไปจากหนังรักบางเรื่องที่จบลงแบบทิ้งความหวังไว้ปลอบประโลมผู้ชม กระนั้นกลับไม่ได้เคียงกับตำนานความรักอมตะที่ผู้คนจดจำหนังพยายามแตะเรื่องชนชั้นในสังคม แต่ก็ทำได้เพียงบางๆ โดยมีการพูดถึงความตายว่าคืออิสระของชีวิต การสละชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีและเกรียรติยศ ทว่าที่สุดก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าหายนะครั้งนี้เกิดขึ้นจากสิ่งใด คล้ายกับมันเป็นเพียงชะตากรรมร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่ง (ไม่ว่าจะ ดี ชั่ว ยากจน รํ่ารวย แข็งแรง หรือ อ่อนแอ) ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น